วิธีจำคำศัพท์แบบไม่ต้องท่อง
ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น นักเรียนจำนวนมากเหลือเกินที่ชอบท่องศัพท์ ด้วยความหวังว่าถ้าท่องไปเรื่อยๆแล้วเราจะจำได้ พอเราจำคำศัพท์ได้เยอะเราก็จะเก่งขึ้น พูดได้ดีขึ้น ทำคะแนนสอบได้ดีขึ้น
ความคิดนี้มีบางส่วนไม่จริงครับ
การท่องศัพท์เป็นวิธีใช้สมองที่ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการจำที่สมองคนเราถนัดครับ ดังนั้นถ้าเราใช้วิธีท่องศัพท์เราจะเสียพลังสมองเยอะแต่กลับได้ผลเพียงนิดเดียว
ที่จริงผมเป็นคนที่เคยชอบท่องศัพท์เหมือนกันครับ
ผมใช้เทคนิคแฟลชการ์ด ทำให้ตนเองจำศัพท์ได้ 50 คำภายในเวลาไม่ถึง 60 นาที และผมเคยตั้งใจสอนนักเรียนท่องศัพท์ในคลาสด้วย ซึ่งผลที่ได้นั้นน่าอัศจรรย์มาก นักเรียนแทบทุกคนจำคำศัพท์ได้ 30 คำใน 30 นาที จนนักเรียนหลายคนประทับใจมากว่าผมสอนโคตรเก่ง เพราะผมทำให้นักเรียนเก่งได้มากกว่าที่นักเรียนเคยคิดว่าตัวเองเก่ง และผมก็ทำซ้ำได้หลายร้อยครั้งแล้ว ดังนั้นผมจึงมั่นใจว่าเทคนิคนี้ช่วยให้นักเรียนจำได้เร็วขึ้นจริง
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด การจำด้วยวิธีการที่ไม่สอดคล้องกับการทำงานของสมองแบบนี้ก็ไม่ได้อยู่กับเรานาน แถมเวลาจะใช้งานยังเรียกขึ้นมายากด้วย ต่อให้เรียกได้ก็ต้องใช้เวลานาน แถมบางทีหาไม่เจอเรียกออกมาไม่ได้ด้วยครับ และแม้จะหาเจอ เรียกความทรงจำส่วนนั้นออกมาได้จริง แต่ก็อาจจะมีปัญหาใช้ไม่ถูกอีก โดยเฉพาะกับการแปลภาษาที่ไวยากรณ์โคตรยากอย่างภาษาญี่ปุ่นไปเป็นภาษาที่ไวยากรณ์ยากโคตรๆอย่างภาษาไทย(ใครเคยสอนภาษาไทยให้คนต่างชาติจะเข้าใจดี)
แต่การท่องศัพท์ก็ไม่ใช่จะไม่มีประโยชน์เลยซักทีเดียว เพราะว่าถ้าเราต้องการใช้คำศัพท์กลุ่มนั้นอย่างด่วน เช่นพรุ่งนี้จะสอบแล้ว หรือพรุ่งนี้จะต้องล่ามแล้ว จำเป็นต้องจำเร็วๆ ผมว่าไม่มีวิธีไหนที่จะโหลดคำศัพท์เข้าสมองได้เร็วกว่าเทคนิคแฟลชการ์ดแล้ว
แต่การทำงานล่ามส่วนมากต้องการความทรงจำที่อยู่กับเรานานๆ เวลาจะใช้ก็เรียกขึ้นมาได้ง่าย เร็ว เวลาฝึกจำจะฝึกสำเร็จช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร เราจึงต้องใช้วิธีที่สอดคล้องกับการทำงานของสมองครับ
คนที่ใช่ไม่ต้องพยายามมากก็ได้ วิธีที่สอดคล้องกับการทำงานของสมองสามารถช่วยสร้างความทรงจำระยะยาว และโหลดเร็วให้กับเราได้ครับ วิธีที่ผมใช้เรียกว่าเทคนิคที่แขวนร่มครับ
เทคนิคที่แขวนร่มก็คือ ให้ผุ้ฝึกจินตนาการเหมือนตนเองเป็นที่แขวนร่ม ในแต่ละกิ่งของที่แขวนร่มก็เปรียบเสมือนชีวิตประจำวันด้านต่างๆของเรา และถ้าเราต้องการจำคำศัพท์ใด หรือไวยากรณ์ใด ก็เปรียบเสมือนว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นร่ม สามารถเอาไปแขวนกับกิ่งต่างๆของเรา ซึ่ง เราก็ต้องพยายามปรับรูปแบบของสิ่งเหล่านั้นให้อยู่ในสภาพที่พร้อมแขวนด้วย
การจำด้วยวิธีนี้จะต้องเสียเวลามาทำให้คำศัพท์หรือไวยากรณ์นั้นอยู่ในสภาพพร้อมแขวนด้วย และต้องใช้ความเก่งพอประมาณด้วยจึงจะปรับสิ่งเหล่านั้นให้อยู่ในสภาพแขวนง่ายได้ คือเสียเวลาทำเครื่องมือนาน แต่ทำเสร็จแล้วแป๊บเดียวก็จำได้แล้ว แต่ข่าวดีก็คือ ตอนนี้ผมพัฒนาหนังสือที่จัดรูปแบบไวยากรณ์ N1 และ N2 ให้อยู่ในสภาพพร้อมแขวนสำหรับผู้เรียนชาวไทยเสร็จหลายปีแล้ว และตอนนี้กำลังพัฒนาหนังสือคำศัพท์อยู่
นักเรียนที่สนใจก็มาสมัครเรียนกันได้นะครับ
เปิดรับสมัครคอร์ส N1-N2 รอบสำหรับนักเรียนที่จะสอบเดือน ธันวาคม 2017 ของ ไรอั้นสุนเซนเซแล้วครับ