อยากออกไปแตะขอบฟ้า แต่ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานจะไม่เข้าใจ

เมื่อเร็วๆนี้ผมได้รับคำปรึกษาจากนักเรียนคนหนึ่งว่า เพื่อนร่วมงานบางคนคอยจ้องจับผิดเขา ทั้งๆที่นักเรียนคนนี้เขา(คิดว่า)ตนเองไม่เคยไปทำอะไรให้

หลังจากสอบถามรายละเอียด ผมค่อนข้างแน่ใจว่า เหตุการณ์แบบนี้พบได้บ่อย เพราะเรื่องราวมันคล้ายกับประสบการณ์ส่วนตัวผม และประสบการณ์ของคนอื่นที่เคยได้ยินได้ฟังมา

จุดร่วมกันของเหตุการณ์
1) คนที่ถูกจับผิด เป็นรุ่นน้องของคนจับผิด หรือรุ่นเดียวกันกับคนจับผิด แต่เข้ามาทีหลัง
2) คนถูกจับผิดผลงานดีกว่า ทั้งคุณภาพทั้งปริมาณ
3) เข้ามาแรกๆไม่มีอะไร อยู่ๆไปค่อยโดนจับผิด
4) พฤติกรรมที่แสดงออกมีทั้งการจับผิด การหาเรื่องด้วยวิธีต่างๆเพื่อให้คนถูกจับผิดเสียสมาธิ

ผมเรียกพฤติกรรมนี้ว่า การสกัดดาวรุ่ง

คนบางคนก็มีชีวิตอยู่ด้วยการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญกับมุมมองแบบสัมพัทธ์ มากกว่ามุมมองแบบสัมบูรณ์ คือ สมมติตนเองได้ขึ้นเงินเดือน 5% แต่ว่าเพื่อนร่วมงานได้ 6% คนพวกนี้ก็จะรู้สึกไม่พอใจ อยู่ดีๆก็เกิดรู้สึกอิจฉา สำหรับคนพวกนี้จะรู้สึกยินดีมากกว่า หากตนเองได้ขึ้น 3% แต่เพื่อนร่วมงานได้ขึ้น 2% นี่คือมุมมองของคนที่ชอบนำตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

ที่จริงเมื่อเราเกิดความรู้สึกอิจฉา ไม่อยากอยู่เฉยปล่อยให้คนมาทีหลังขึ้นมาตีคู่ได้ หรือแซงไป เราสามารถแสดงออกได้หลายวิธี อย่างเช่น การเร่งทำงานให้มากขึ้น การพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้น การศึกษาหาความรู้ส่วนตัวเพิ่มขึ้น

แต่คนบางคนกลับแสดงออกด้วยการพยามจับผิด หาข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของดาวรุ่ง แล้วนำมาตีฆ้องร้องป่าว ฟ้องคนนั้นคนนี้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สร้างความน่ารำคาญให้ "คนทำงานเป็น" อย่างยิ่ง คนที่จะสรรเสริญคนที่มีพฤติกรรมสกัดดาวรุ่ง ส่วนมากก็มีแต่คนแบบเดียวกันเท่านั้นแหละครับ
เมื่อผมได้วิเคราะห์ พิจารณาต่อไป ว่า อะไรที่ทำให้คนพวกนี้แสดงออกด้วยพฤติกรรมสกัดดาวรุ่ง ผมได้เหตุผล หลายข้อดังนี้
1) คนพวกนี้คิดว่า การที่มีดาวรุ่งเกิดขึ้น ทำให้เขาอาจจะโดนแซง และตัวเขาเองไม่อยากโดนแซง
2) คนพวกนี้ส่วนมากจะคิดหรือเคยคิดว่าตัวเองเก่ง พอได้เจอรุ่นน้องที่เห่งกว่า ความรู้สึกอ้างว้างที่เกิดขึ้นในใจนั้นมันรุนแรงมาก จนสร้างบาดแผลในใจตัวเอง ทั้งๆที่ดาวรุ่งไม่ได้ทำอะไรให้
3) ในใจลึกๆแล้วคนพวกนี้รู้อยู่แก่ใจดีว่า ตัวเองนั้นห่วยกว่าดาวรุ่ง และหมดอาลัยตายอยาก คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถเก่งกว่าดาวรุ่ง คงถูกแซงในวันใดวันหนึ่ง ซึ่งส่วนมากก็จะถูกแซงจริง

ดังนั้น เนื่องจากเหตุผลดังกล่าว
ต่อให้ดาวรุ่งพยายามจะดีกับพวกนี้มากขนาดไหน พวกที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่เลิกจับผิดหรอก เพื่อตอบโต้สถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเลยก็คือ การไปแข่งจับผิดกับพวกนั้น เพราะต่อให้ดาวรุ่งจับผิดคนห่วยๆพวกนั้นได้ซัก 10-20 ความผิดแล้วเอาไปฟ้องคนอื่นบ้างแล้วจะยังไง สำหรับคนห่วยๆพวกน้้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ ยังห่วยแตกเหมือนเดิมในสายตาคนที่รู้เรื่อง เพราะคนที่รู้เรื่องนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่ามันห่วย แต่ที่เพิ่มเติมคือ ดาวรุ่งจะถูกมองว่าที่จริงเป็นคนห่วยเหมือนมันนี่นา เพราะตอนนี้ก็มีพฤติกรรมเหมือนคนห่วยๆพวกนั้นแล้ว
และที่สำคัญคนห่วยๆมันมีผิดให้จับเยอะเกินไปจนจับไม่หวาดไม่ไหวครับ
สิ่งที่ดาวรุ่งควรทำเพื่อให้รุ่งต่อไปจนกลายเป็นคนสำคัญของบริษัทคือ มุ่งมั่นสร้างผลงานครับสร้างผลงานที่มีปริมาณเยอะ และคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามแนวทางการไคเซ็นของคนญี่ปุ่น และเลิกให้ความสนใจกับคำพูดและการกระทำที่จะทำให้เราเสียสมาธิกับการทำงาน แต่หากจำเป็นต้องร่วมมือกันทำงาน เราก็ต้องก็สามารถร่วมมือกับพวกห่วยๆพวกนั้นได้
เจ้านายญี่ปุ่นเคยสอนผมไว้ว่า มืออาชีพต้องสามารถทำงานร่วมกับคนที่เกลียดได้ คุยกันเฉพาะเรื่องานพอ เรื่องส่วนตัวไม่ต้องคุยกัน
ผมว่าคำสอนนี้เหมาะสมแล้วที่จะนำมาถ่ายทอดต่อตรงนี้
หวังว่าดาวรุ่งที่กำลังเจอดราม่า จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้นะครับ เมื่อเวลาผ่านไปและเราได้มองย้อนกลับมา เรื่องราวเหล่านี้มันก็จะเป็นแค่เรื่องตลกอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง
สู้ๆ

満席前に日タイ交流会バンコクに申し込む!
สมัครJTCกรุงเทพฯก่อนเต็ม! เพื่อนชาวญี่ปุ่นรออยู่
2024年05月11日(土) 18:00~21:00 (地図)
11/May/2024(Sat) 18:00~21:00 (แผนที่)


※送信後の確認メールはありませんが送信後に画面が切り替わり「メッセージを送信しました」と出れば送信完了です

※หลังจากได้ทำการลงทะเบียนแล้ว ภาพหน้าจอจะปรากฎข้อความภาษาญี่ปุ่นว่า ”メッセージを送信しました” (แปลว่าส่งข้อความเรียบร้อยแล้ว) ถือว่าท่านได้ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว

-お知らせ ข่าวประกาศ

Copyright© Ryan Sun Sensei คอร์สติวสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นอาจารย์ไรอัน สุน , 2024 All Rights Reserved.