เพราะเมื่อวานสอนทั้งวันกลับมาก็เหนื่อยแล้ว
ผมว่าคนที่มาเป็นล่ามให้นี่ ฝีมือห่างไกลจากการเป็นล่ามมากมายครับ ไม่ใช่ระดับที่ว่า แนะนำแล้วจะเก่งขึ้นได้

By: photosteve101
เหมือนกับว่าเขาฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องเลยซักคำ
และเหมือนกับไม่ได้ทำการบ้านมาเลย
เรื่องนี้ต้องโทษทั้งผู้จัดและตัวล่ามเองด้วย
เพราะผู้จัดไม่หาล่ามเก่งๆ แต่ดันขอ(หรืออนุญาต)ให้คนนี้มาเป็นล่าม
(ที่จริงล่ามที่เก่งกว่านี้ก็มีเยอะนะครับ แค่นักเรียนของผมแทบทุกคนก็เก่งกว่านี้แล้ว)
และตัวล่ามเอง ไม่ปฏิเสธงานทั้งๆที่ตนเองทำไม่ได้
ถ้าจะอ้างว่า ไม่เคยทำก็ไม่มีประสบการณ์ ถ้าจะปฏิเสธงานไปเรื่อยๆก็ไม่มีวันทำเป็นเสียที
ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าอยากรับงานที่ตนเองไม่เคยทำ ควรเตรียมตัวให้มากกว่าตอนรับงานที่ตนเองทำเป็นแล้ว
อย่างไรก็ตาม หน้างานไม่ใช่สนามฝึกครับ ล่ามควรฝึกฝนอย่างหนักในสนามซ้อมครับ เพื่อให้เมื่อลงสนามจริงแล้วสามารถแสดงความสามารถได้สมกับที่คนรอบข้างมารอดู
ตอนก่อนที่จะรับงานใหม่ๆ เราควรศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่กำลังจะต้องแปลเอาไว้ล่วงหน้า
แต่จะว่าไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับ เรื่องการแปลผิด แปลพลาด แปลคลาดเคลื่อนนี่ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นกับดารานักร้องหลายคนครับ ทั้งการแปลสัมภาษณ์ออกทีวี ทั้งการแปลในคอนเสิร์ต
ในการที่เราจะล่ามได้นั้นสิ่งสำคัญที่เราต้องมีก็คือ
1) ความรู้ในตัวภาษาทั้งสอง(ทั้งภาษาพูดและภาษาท่าทาง) และ
2) ความรู้ในเรื่องที่เรากำลังแปล
ผู้จัดควรหาล่ามที่มีความรู้ทั้งสองส่วนนี้นะครับ
และควรทำความเข้าใจว่า ล่ามภาษาญี่ปุ่นค่าจ้างแพงกว่าล่ามภาษาอื่นๆอยู่พอสมควรครับ แต่คงไม่แพงกว่าการจ้างไอดอลมาหรอกครับ ไหนๆเสียเงินจ้างไอดอลมาแล้ว เสียเพิ่มอีกนิดหน่อย เพื่อให้แฟนๆอิ่มเอมได้เต็มที่คุ้มค่ากว่ากันเยอะครับ ดีกว่าไปประหยัดจนเสียการเสียงานแบบนี้
นี่ขนาดผู้ชมดูฟรี ผู้ชมยังเกิดความไม่พอใจขนาดนี้
ถ้าเป็นผู้ชมซื้อตั๋วเข้าไปดู อย่างคอนเสิร์ต จะเกิดความไม่พอใจขนาดไหน
เรื่องนี้จะโทษล่ามคนเดียวไม่ได้ ต้องโทษผู้จัดด้วยครับ
ไม่เป็นไร คราวหน้าพยายามใหม่นะครับ ทั้งสองคน