รอบนี้หนังสือหนาขึ้น 70 หน้าครับ เพราะเพิ่มเนื้อหาในส่วนของ 漢字、語彙 ประมาณ 50 หน้า
และเพิ่มเนื้อหา 読解 ประมาณ 20 หน้า
ที่รอบนี้ผมเพิ่ม 漢字、語彙ก็เป็นเพราะนักเรียนN2รอบก่อนที่สอบผ่านไปแล้ว แล้วมาต่อN1 เลยแจ้งเข้ามาว่าอยากให้หนังสือผมมีสอน 漢字、語彙 เยอะกว่านี้ (รอบที่ผ่านมาสอนครั้งละ 12 คำ × 10 ครั้ง)
ผมก็เลยอธิบายไปว่าเรื่องนั้นผมไม่ค่อยเก่ง
แต่แค่ที่ผมสอนก็ทำให้คุณผ่านได้แล้วไม่ใช่หรือ
แต่ถ้าคุณอยากเรียน 漢字、語彙 ในตำราผมก็มีการจัดหมวดหมู่ไว้ให้สำหรับนักเรียนที่สนใจอยู่แล้ว ลองใช้ดูนะครับ
นักเรียนก็ถามว่า มีด้วยหรอมันอยู่หน้าไหน ทำไมเซนเซไม่บอกก่อนอะ
ผมก็ตอบว่า อยู่หลังๆอะครับ ลองเปิดๆดู บอกไปแล้ววันแรกที่เปิดคอร์สเลย สงสัยไม่สนใจฟังอะดิ
พอนักเรียนเห็นว่ามีจริง ก็บอกว่า ที่จริงเรื่อง 漢字、語彙 ของเซนเซนี่สรุปไว้ดีมากเลยนะ ทำไมเซนเซไม่สอนเป็นเรื่องเป็นราวไปเลยหละ
ผมก็ตอบว่า 漢字、語彙 ชุดนี้มันดีแน่นอนแหละ สำหรับผมผมว่ามันเหมาะกับการใช้ติวก่อนสอบที่สุดแล้วอะ ที่จริงผมไม่ได้ทำเองหรอก ผมอธิบายรูปแบบที่ผมต้องการแล้วไปขอร้องให้อาจารย์ชาวญี่ปุ่นทำให้ แล้วผมมาเติมคำอ่านเอง ถ้าให้ผมทำเองอีก 10 ปีก็ไม่เสร็จ
แต่ผมไม่เก่งเรื่องนี้ไง ตอนสอบก็ได้คะแนนส่วนนี้ไม่ค่อยเยอะ ก็เลยตัดไป ให้นักเรียนไปเรียนเอง
นักเรียนก็ตอบว่า เรียนเองก็ได้นะ แต่เซนเซแปลให้หน่อยดิ
ผมก็ตอบว่า หนังสือมันพิมพ์ไปแล้ว ต่อให้ยังไม่พิมพ์ผมก็แปลไม่ทันหรอก ตั้งเยอะ
นักเรียนก็บอกว่า ไม่เป็นไร เซนเซแปลเสร็จเมื่อไหร่ค่อยส่งให้นักเรียนก็ได้
นักเรียนอีกคนก็บอกว่า เซนเซควรแปลมาให้เพราะว่าหนังสือ漢字、語彙ที่ไม่มีคำแปล ไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขาเลย (ผมรู้สึกเหมือนโดนด่ายังไงไม่รู้)
ผมก็เลยตัดสินใจเริ่มแปลเนี่ยแหละ
ถือเป็นการเรียนของตัวเองไปด้วย เพราะที่ผ่านมาเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมไม่เคยได้คะแนนเต็มไม่ว่าจะตอนซ้อม หรือตอนสอบจริง
ลองนับดูคร่าวๆน่าจะมีประมาณระดับละ 1000 กว่าคำ
สองระดับ ก็ 2000 กว่าคำ
ถ้าผมแปลเสร็จหมดนี่ภายใน 1 ปี รวมกับใน Rssdict ที่ปีนี้เพิ่มได้ 2-300 คำแล้ว จะถือว่าเป็นสถิติใหม่ของผมเลย
เพราะตั้งแต่เริ่มสะสมคำศัพท์เมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมแปลเพิ่มได้ปีละไม่เกิน 1000 คำ
แต่ที่แน่ๆ จนถึงวันที่คอร์สนี้จบ น่าจะแปลไม่เสร็จ
นี่ถือเป็นการท้าทายกับความสามารถของตัวเองที่ยากมาก (ปาดเหงื่อ) แต่ถ้าไม่ลองทำดูก็ไม่รู้ว่าเราจะทำได้แค่ไหน จริงมั้ยครับ
ในส่วนของวิธีการแจก กำลังคิดว่าจะตั้งกลุ่มปิดสำหรับนักเรียนขึ้นมา แล้วรับเฉพาะนักเรียนที่มาเรียนเข้ากลุ่ม แล้วทยอยแจกในกลุ่มนั้น เผื่อคำไหนนักเรียนข้องใจ สงสัยตรงไหน จะได้พูดคุยอภิปรายกันได้ แบบนี้จะดีไหม
ใครมีไอเดียอะไรดีๆก็นำเสนอได้เลยนะครับ