แต่ผมเชื่อว่า วันนี้ก็ยังมีประโยชน์กับคนที่กำลังอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่
เทคนิคการเรียนภาษาญี่ปุ่นใ
ห้เก่ง หลังการประกาศคะแนนครั้งล่า
สุดก็มีคำถามกันเข้ามานะครั บว่า
อยากรู้วิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นในแบบไรอั้นสุนเซนเซ
ดังนั้น วันนี้ผมจึงจะมาเขียนเกี่ยวกับเทคนิคการเรียนในแบบของผ มให้อ่านกันนะครับ 1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า เราจะเรียนภาษาญี่ปุ่นไปเพื่ออะไร อย่างเช่น เพื่อจะอ่านการ์ตูน ดูละคร ศึกษาเอกสาร หรือเรียนไปเพื่อทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานล่าม งานไกด์ หรืองานหน้าที่อื่นๆที่ไม่ใ ช่ล่ามแต่ว่าอยู่ในบริษัทญี ่ปุ่นอย่างเช่น วิศวกร บัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ขายของให้คนญี่ปุ่น
เมื่อกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนได้แล้ว เราก็เลือกวิธีเรียนที่เหมา ะสมได้
สำหรับไรอั้นสุนเซนเซ ตอนแรกเรียนภาษาญี่ปุ่นโดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะเข้ามหา วิทยาลัย และเมื่อได้เข้ามหาวิทยาลัย แล้วก็ตั้งเป้าหมายศึกษาภาษ าญี่ปุ่นด้วยตัวเองต่อ เพื่อเป็นล่าม แต่พอให้มีโอกาสสอนภาษาไทยใ ห้คนญี่ปุ่นก็รู้สึกชอบการส อนก็เลยเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ เกี่ยวข้องกับภาษาไทย เพื่อจะได้อธิบายหลักภาษาไท ยเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ ต่อมาเมื่อเรียนจบกลับไทยมา เป็นล่าม ผมก็ตั้งเป้าหมายเป็นล่ามที ่เก่งสุดยอด ดังนั้น ผมจึงตั้งเป้าหมายเรียนภาษา ญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เพื่อการเป็นล่ามที่เก่งสุด ยอด และเมื่อปีก่อนหลังจากที่ทน เสียงรบเร้าจากคนรอบข้างไม่ ไหว ผมจึงได้เริ่มสอนคอร์สติว N1 และ N2 ผมจึงเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น เพื่อเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่น ระดับสูงอีกครั้ง
ซึ่งแต่ละเป้าหมาย ก็มีวิธีการเรียนไม่เหมือนกัน โดยในบทความนี้จะเน้นไปเฉพา ะการเรียนเพื่อทำงานนะครับ ทั้งการทำงานล่าม และการทำงานตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ล่าม 2. เลือกวิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นท
ี่สอดคล้องกับเป้าหมาย
ในที่นี้ผมจะเขียนวิธีเรียนภาษาญี่ปุ่นเฉพาะสำหรับคนที ่เรียนเพื่อทำงานนะครับ
สำหรับคนทำงาน ส่วนมากเมื่อสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นผ่านระดับที ่สูงขึ้นก็จะได้เงินเดือนเพ ิ่มขึ้น หรือบางบริษัทก็มีกำหนดเลยว ่า ต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นระ ดับใดขึ้นไป จึงจะมีโอกาสได้เป็นผู้จัดก าร ในกรณีแบบนี้ ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนคู่ ขนานกันไปคือ เรียนเพื่อให้สอบวัดระดับผ่ าน และเรียนเพื่อให้สามารถอธิบ ายเรื่องราว เหตุการณ์ สิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับบริษั ทตนเองได้ดีขึ้นด้วย เพราะเมื่อเราขึ้นเป็นผู้บร ิหารแล้ว เรามักจะมีหน้าที่ต้องรายงา นข้อมูลต่างๆไปยังบริษัทแม่ เป็นประจำ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเรียนทั้งสองส ่วนไปด้วยกัน
ดังนั้นเราจึงควรเลือกวิธีเรียนที่เหมาะสมกับเป้าหมายแ ต่ละข้อดังนี้คือ
2.1 วิธีเรียนเพื่อให้สอบวัดระดับผ่าน
อันนี้ผมใช้วิธีซื้อหนังสือหลายๆเล่มมาอ่านเอง หนังสือทั้งหมดที่ผมซื้อมาเ พื่อมาเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย วิธีอ่านเองนั้นรวมๆกันก็น่ าจะหลายหมื่นเยนแล้ว บางเล่มซื้อมาแล้วไม่ใช่แนว ก็เสียดายเงินเปล่าๆ บางเล่มซื้อมาแล้วยากเกิน ก็อ่านไม่รู้เรื่อง ต้องไปอ่านเล่มอื่นก่อน 3-4 เล่มค่อยย้อนกลับมาอ่านใหม่ จึงจะเข้าใจ บางเล่มอ่านแล้วเราไม่เห็นด ้วยกับที่ผู้เขียนเฉลยไว้ แล้วแถมเขาก็ไม่ได้เขียนคำอ ธิบายไว้ ก็ งงๆ ต่อไป แล้วก็ข้ามๆไป จากการอ่านหนังสือที่เกี่ยว กับการสอบวัดระดับมาจำนวนมา ก ทำให้ผมค้นพบเทคนิคการทำคะแ นนให้สูงขึ้น มากขึ้น เร็วขึ้น อย่างเช่นการฟัง ผมก็ทำข้อสอบได้เต็มมาแล้วห ลายครั้ง หรืออย่างการอ่าน รอบที่ผ่านมา ตอนทำข้อสอบการอ่าน ขนาดไรอั้นสุน เซนเซทำๆไปแล้วง่วงก็เลยนอน นอนแล้วตื่นมาทำต่อ ทำเสร็จแล้วนอนต่ออีกที ตื่นมาเวลายังไม่หมด และแม้จะหลับ 2 ตื่น แต่ไรอั้นสุนเซนเซก็ได้การอ ่านเต็ม ดังนั้นความจริงแล้ว ข้อสอบการอ่านอาจจะง่ายกว่า ที่เราคิดก็ได้นะครับ ถ้าเรารู้เทคนิคการตีความ การค้นหาคำตอบ และซ้อมตามเทคนิคนั้นมาจนคล ่องมากพอ
2.1 เรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้สามารถอธิบายเหตุการณ์ รายงานข้อมูล หรือสิ่งต่างๆของบริษัทได้
อันนี้เราอาจจะต้องเริ่มจากการแปลคำศัพท์เฉพาะทางในงาน ของเราให้ได้ก่อน ซึ่งศัพท์เฉพาะทางพวกนี้ส่ว นมากไม่มีอยู่ในพจนานุกรมคร ับ ไม่ต้องถึงขนาดศัพท์เฉพาะทา งของงานที่เราทำหรอกครับ คำศัพท์ทั่วๆไปก็ยังมีไม่ค่ อยครบเลยครับ เพราะในพจนานุกรมของญี่ปุ่น มี 240,000 คำ แต่พจนานุกรมที่ผู้เรียนภาษ าญี่ปุ่นชาวไทยใช้กันมากที่ สุดมีคำศัพท์อยู่ประมาณ 40,000 คำเท่านั้นเอง ดังนั้น คนที่จำเป็นต้องใช้ภาษาญี่ป ุ่นในการทำงานจึงควรมีทักษะ วิธีแปลศัพท์เฉพาะทางติดตัว ไว้ทุกคน ซึ่งวิธีนี้ไรอั้นสุนเซนเซไ ด้สอนนักเรียนทุกคนในคอร์สล ่ามอยู่แล้ว หรือถ้าใครมีเทคนิคของตัวเอ งก็ใช้เทคนิคนั้นก็ได้ครับ วันนี้ถึงเท่านี้ก่อนนะครับ
เดี๋ยวไปเตรียมตัวสอน สำหรับวันพรุ่งนี้ก่อน
ไว้วันหลังจะมาต่อนะครับ แต่แฟนเพจนี้มีคนเก่งๆเยอะอยู่ น่าจะสามารถต่อยอดเองได้หลา ยคนแล้วใช่ไหมหละครับ
สู้ๆครับ ทุกคน