ยิ่งสูงยิ่ง(ต้อง)ใจดี
ตอนที่ 3
ย้ายแผนกเพิ่มประสบการณ์
โดยทั่วไปคนญี่ปุ่นจะคิดว่าต้องใช้เวลา 5 ปี ในการฝึกให้คนคนหนึ่งสามารถปล่อยให้ทำงานงานหนึ่งได้ด้วยตัวเอง เพราะนอกจากสอนความรู้ ฝึกทักษะแล้ว ยังต้องให้คนคนนั้นซึมซับแนวคิดของงานนั้นๆด้วยครับ
เรื่องเวลานั้นเป็นเพียงตัวเลขอ้างอิงคร่าวๆ (目安) เท่านั้นเองไม่ใช่ตัวเลขตายตัว ดังนั้นแน่นอนว่าต้องมีบางคนที่ใช้เวลาฝึกน้อยกว่านั้น และบางคนเรียนงานเกิน 5 ปีแล้วก็ยังทำงานไม่เป็น
แต่ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่ทำงานเป็นแล้ว หรือยังไม่เป็นก็ล้วนต้องได้มีโอกาสย้ายแผนกหรือย้ายสถานที่ปฏิบัติงาน(ローテーション)แน่นอนครับ ซึ่งวัตถุประสงค์หนึ่งของการย้ายพนักงานไปเรื่อยๆก็คือเพื่อให้พนักงานเข้าใจภาพรวมของบริษัท เพราะเมื่อพนักงานย้ายไปยังแผนกใหม่แล้วพนักงานคนนั้นจะต้องรีบเรียนรู้งานของแผนกใหม่อย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้จะไม่ใช่การเรียนรู้งานในฐานะน้องใหม่แล้ว แต่เป็นการเรียนรู้งานในฐานะรุ่นพี่แล้ว หมายความว่า บริษัทไม่มีเวลารอถึง 5 ปีเพื่อให้พนักงานคนนั้นทำงานเป็นแล้ว ดังนั้นการเรียนรู้ในช่วงนี้จะไม่เน้นการเรียนรู้เพื่อให้ตนเองทำงานเป็น คือแค่พอทำเป็นก็พอแล้วไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเน้นไปที่การเรียนรู้ว่าใครในแผนกใหม่เก่งเรื่องอะไร เพื่อที่ว่าเวลามีงานนั้นๆเข้ามาจะได้ไปขอความช่วยเหลือได้ถูกคน แต่ถ้าขอเขาไม่ได้จริงๆเราก็ต้องลงมือทำเองได้ด้วย
อีกหนึ่งลักษณะเฉพาะของบริษัทญี่ปุ่นคือ คนตำแหน่งใหญ่กว่าเราทุกคนสามารถสั่งงานคนตำแหน่งต่ำกว่าได้ทุกคน ไม่จำเป็นต้องผ่านเจ้านายโดยตรงของคนคนนั้นก็ได้
ด้วยเหตุนี้เราจะต้องเริ่มประสานงานกับคนจำนวนมากขึ้น รุ่นน้องก็มากขึ้น เจ้านายที่จะมาสั่งงานเราก็มากขึ้น แถมยังอาจจะมีโอกาสต้องร่วมมือกับคนแผนกอื่นมากขึ้นด้วย ดังนั้น เราจึงต้องมีความใจดีมากขึ้น เพราะว่า เมื่อเราใจดีกับคนอื่นแล้ว ส่วนมากเขาจะใจดีกับเราด้วย เพื่อให้การประสานงานทุกครั้งเป็นไปได้ด้วยความราบรื่น ไม่ทำให้การประสานงานกลายเป็นประสานงา อะไรที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันได้ก็ต้องทำครับ
ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป ความเก่ง จะสำคัญน้อยลง แต่ความใจดีจะสำคัญมากขึ้นครับ